วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เซียร์ชา โรแนน(Saoirse Ronan)

เธอเป็นคนหรือนางฟ้า..
เซียร์ชา โรแนน



















เซียร์ชา โรแนน "เซียร์ชา" แปลว่า "เสรีภาพ" ในภาษาไอริช นามสกุลของเธอหมายถึง ตราประทับน้อย
เธอเกิดในนิวยอร์คซิตี้, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2537 และเธอยังเป็นนักแสดงหญิงชาวไอริช พ่อของเธอ Paul Ronan เป็นนักแสดงชาวไอริชและแม่ของเธอ Monica Ronanเมื่อ เซียร์ชา อายุ 3 ขวบครอบครัวได้ย้ายไปที่ไอร์แลนด์ เซียร์ชา เติบโตขึ้นมาใน ไอร์แลนด์
        เซียร์ชา เธอเข้าวงการบันเทิงครั้งแรกเมื่อเธอเล่นบทบาทเล็กๆในทีวีซีรี่ย์ The Clinic  งานภาพยนตร์เรื่องแรกอยู่ในปี 2550 I Could Never Be Your Woman  เซียร์ชา ได้รับชื่อเสียงในระดับนานาชาติหลังจากที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง Atonement ซึ่งถูกกำกับโดย Joe Wright ภาพยนตร์ร่วมแสดง Keira Knightley และ James McAvoy ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์และ เซียร์ชา ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์สำหรับบทบาทของเธอ เธอกลายเป็นหนึ่งในคนที่อายุน้อยที่สุดที่จะเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์
        หลังจากนี้เธอยังคงที่จะได้รับความสำเร็จและชื่อเสียง ระหว่าง 2551 -2553, เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ city of ember ซึ่งทำให้เธอได้รับเสนอชื่อเข้าชิงภาพยนตร์ชาวไอริชและได้รับรางวัลโทรทัศน์ / The Lovely Bones ซึ่งทำให้เธอถูกเสนอชื่อ สำหรับรางวัล BAFTA Award และ the Way Back  ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลภาพยนตร์ชาวไอริชและรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม




เก็บตก : เรื่องไม่ลับ
เธอมีสุนัขชายเเดน ชื่อว่า sassy
แม้ว่าเธอจะเกิดในนิวยอร์กซิตี้เธอถูกเลี้ยงดูมาในไอ​​ร์แลนด์
เธอไม่ได้ดูฟุตบอล แต่เธอสนับสนุนแมนฯ ยูไนเต็ด
ในเวลาออกจากบ้านเธอจะคิดถึงสุนัขของเธอ
หนังสือเล่มโปรดของเธอคือ City of Ember และ The Secret of Platform 13
ในปี 2551 ตอนอายุ 13 เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุดลำดับที่เจ็ดที่เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์นักแสดงสมทบหญิงที่ดีที่สุดสำหรับบทบาทของเธอใน Atonement ส่วนนักแสดงหญิงที่อายุน้อยกว่าเธอคือ Tatum O'Neal, Mary Badham, Quinn Cummings, Abigail Breslin, Patty McCormack and Anna Paquin

ไซบีเรียน ฮัสกี้(Siberian Husky)


สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้





ประวัติความเป็นมา

ไซบีเรียน ฮัสกี้ เริ่มเป็นที่รู้จักกันในอเมริกาเหนือเมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีมาแล้ว โดยนายวิลเลียม กูซัค พ่อค้าชาวรัสเซียที่เดินทางโดยใช้ไซบีเรียน ฮัสกี้ลากเลื่อนเข้ามาค้าขายขนสัตว์ทางเมืองนอม มลรัฐอลาสกา สหรัฐอเมริกา จากนั้นนายกูซัคได้นำทีมไซบีเรียน ฮัสกี้ เข้าร่วมการแข่งขันลากเลื่อนระยะทาง 408 ไมล์ โดยมีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะถึง 10,000 ดอลล่าร์ และแน่นอนเมื่อมีการแข่งขันก็ต้องมีการพนันเกิดขึ้น แต่ในการแข่งขันครั้งนั้นไม่มีใครให้ความสนใจลงเดิมพันกับเจ้าฝูงสุนัขตัวเล็กๆ ของกูซัคเลย เพราะมันยังไร้นาม ไร้ประวัติ ไร้คนรู้จัก ดูแล้วไม่น่าจะชนะได้เมื่อเทียบกับสุนัขทีมอื่นๆ ที่เคยได้ครองแชมป์ของที่นั่นมาแล้ว และด้วยขนาดตัวของไซบีเรียน ฮัสกี้ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสุนัขพื้นเมือง คนพื้นเมืองจึงเรียกสุนัขของกูซัคว่า "เจ้าหนูไซบีเรียน" (Siberian Rats) และสำหรับผลการแข่งขันในครั้งนั้น เจ้าหนูไซบีเรียน ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง เพราะมันได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในหลายการแข่งขัน และภายใน 2 ปี ชื่อของ เจ้าหนูไซบีเรียน จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ดังเช่นปัจจุบัน








ลักษณะทั่วไป

ไซบีเรียนฮัสกี้มีรูปร่างลักษณะภายนอกคล้ายกับอลาสกันมาลามิวเช่นเดียวกับสายพันธุ์อื่นๆที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขวงศ์สปิตซ์เช่นซามอย ไซบีเรียนมีขนหนาแน่นกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นมีสีและรูปแบบขนที่หลากหลาย โดยปกติมีสีขาวที่เท้า, ขา,ท้อง, รอบตาหรือเป็นหน้ากากที่หน้าและที่ปลายหาง ทั่วไปมีสีดำ-ขาว, เทา-ขาว, ทองแดง-ขาว, และขาวปลอดและยังมีแบบที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะ เช่น สีอ่อน แต้มจุด แว่นตา ฯลฯ บางครั้งก็มีลักษณะคล้ายหมาป่าเกิดขึ้น แม้ว่าในการพัฒนาพันธุ์ไม่มีความใกล้ชิดกับหมาป่าหรือสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดเลยคิดว่าเกิดจากการเพาะพันธุ์ที่ไซบีเรียแล้ว

ตา : สีตาของไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นที่ยอมรับมีสีฟ้าหรือน้ำตาลเข้ม, เขียว, น้ำตาลอ่อน, เหลือง/อำพัน, “แก้วตาหลายสี” หรือตาเฮเซล(Hazel) เป็นจุดบกพร่องร้ายแรงที่แสดงวงสีต่างกันในแก้วตา รวมถึงตาข้างนึงสีน้ำตาลอีกข้างสีฟ้า (complete heterochromia) หรือตาข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างมีสี”แบ่งส่วน” น้ำตาลครึ่งฟ้าครึ่ง (partial heterochromia) นี่คือสีตาทั้งหมดที่ถูกพิจารณายอมรับโดยสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข (สหรัฐอเมริกา) ตาต้องเป็นรูปอัลมอนด์เว้นระยะห่างกันปานกลาง วางตัวเฉียงเล็กน้อย

หูและหาง : หูเป็นรูปสามเหลี่ยม, มีขนสมบูรณ์, ขนาดกลาง, และ ตั้งชันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆในการพัฒนาพันธุ์โดยสมาคมพัฒนาพันธุ์ สุนัขเช่นสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข (สหรัฐอเมริกา) ที่มีรูปหูที่เรียกว่าหูผึ่ง(prick ears) มันหางเป็นพู่เหมือนหางหมาจิ้งจอกรูป เคียวโค้งเหนือหลังและลากหางไปด้านหลังเมื่อเคลื่อนไหว ไซบีเรียนฮัสกี้ส่วนมากมีสีขาวตรงปลายหาง หางต้องไม่โค้งจนแตะหลังเหมือนสปิตซ์สีออกแกมขาว

ขน : ขนของไซบีเรียนฮัสกี้มี 2 ชั้น ขนชั้นในที่หนาแน่นและขนชั้นนอกที่ยาวกว่าขนชั้นนอกยาวตรงและบางส่วนเหยียด เรียบไม่ชี้ชันตั้งตรงจากลำตัวที่สามารถปกป้องมันจากความรุนแรงของฤดูหนาว ขั้วโลกเหนือได้แต่ขนที่หนานั้นทำให้มันยากที่อยู่อย่างสบายได้ในฤดูร้อน ส่วนขนยาวแบบที่เรียกว่า “ฮัสกี้ขนแกะ(wooly huskies)” นั้นไม่เป็นที่ยอมรับและไม่มีสิทธิ์ลงแข่งในสนามประกวด

จมูก : จมูก ของไซบีเรียนฮัสกี้มีสีดำในสีเทาในสุนัขสีแทนและสีดำสีเลือดหมูในสุนัขสีทอง แดง และอาจจะมีสีเนื้อในสุนัขสีขาว ไซบีเรียนฮัสกี้บางตัวมีจมูกที่เรียกว่า “จมูกหิมะ” เป็นสภาวะที่เรียกว่าผิวด่าง(hypopigmentation)ในสัตว์และสุนัขที่มี “จมูกหิมะ” นั้นสามารถลงประกวดได้ ในสุนัขระดับประกวดไม่ค่อยจะมีจมูกทรงแหลมหรือสี่เหลี่ยมนัก

ขนาด : เพศผู้ สูง : 21 - 23.5 นิ้ว (53.5 - 60 ซ.ม.)

น้ำหนัก : 45 - 60 ปอนด์ (20.5 - 28 กิโลกรัม)

เพศเมีย สูง : 20 - 22 นิ้ว (50.5 - 56 ซ.ม.)

น้ำหนัก : 35 - 50 ปอนด์ (15.5 - 23 กิโลกรัม)

อารมณ์ : ไซบีเรียนฮัสกี้ก็เหมือนสุนัขใช้งานทั่วๆไปที่มีพลังงานสูงต้องการการออกกำลัง มาก มันควรได้รับการปฏิบัติแบบเพื่อนเดินทางและสุนัขลากเลื่อนไม่ใช่สุนัข อารักขา การรวมกันของปัจจัยนี้ส่งผลให้ไซบีเรียนฮัสกี้มีจิตประสาทที่สุภาพอ่อนโยน และซื่อสัตย์ ชาวอินูอิต(Inuit)พัฒนาสายพันธุ์นี้ขึ้นมาเพื่อใช้ลากเลื่อนหนักเป็นระยะทางไกลๆและสามารถเอาตัวรอดได้การภูมิประเทศที่หนาวเย็นแบบทรุนดรา(tundra)และช่วยในการล่าสัตว์

พฤติกรรม : พฤติกรรมของไซบีเรียนฮัสกี้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนบรรพบุรุษของสุนัขบ้าน นั่นก็คือหมาป่า มันแสดงออกในรูปแบบพฤติกรรมของเทือกเถาเหล่ากอแบบกว้างๆ บ่อยครั้งที่ชอบหอนมากกว่าเห่า การ แสดงออกที่มากเกินไปเกิดจากการถูกขับด้วยสัญชาตญาณในการล่า บุคลิกลักษณะของสุนัขที่เกิดจากการเพาะพันธุ์บ่อยครั้งที่เห็นได้ชัดใน พฤติกรรมการละเล่นไล่จับสิ่งต่างๆในสิ่งแวดล้อมที่สุนัขแสดงออกมาคล้ายกับ สุนัขล่าเนื้อมากกว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยง มันชอบวิ่งเป็นพิเศษ น่าจะเป็นเพราะจากประวัติการเพาะพันธุ์ในอเมริกาเหนือ ในการฝึกสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งควรใช้เวลา 15 นาที/วันดีที่สุดและทำทุกๆวัน

สุขภาพ : ไซบีเรียนฮัสกี้มีอายุเฉลี่ยราวๆ 12 -16 ปี ข้อบกพร่องในตาแต่กำเนิดที่พบจากการเพาะพันธุ์ เช่น ต้อกระจกนิ่ม,กระจกตาเจริญผิดเพี้ยน, และจอตาฝ่อรุกลามการเจริญผิดปรกติของเอวก็พบได้บ่อยเช่นกันในการเพาะเลี้ยงเหมือนกับสุนัขขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ทั่วไป ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เป็นสุนัขลากเลื่อนอาจมีโรคอื่นๆอีกเช่น โรคกระเพาะ, หลอดลมอักเสบ(ski asthma), และแผลในกระเพาะ



อุปนิสัย

เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาด อารมณ์ดี ตื่นตัวตลอดเวลา กระโดดโลดเต้น ขี้เล่น สนใจสิ่งแปลกใหม่ โดยถ้าเปรียบเทียบแล้ว ไซบีเรียน ฮัสกี้ ก็ไม่ต่างกับเด็กเล็กๆ ที่อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกอย่าง นอกจากนี้ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ยังเป็นสุนัขนักประชาสัมพันธ์ ชอบที่จะแจกมิตรไปทั่ว ดังนั้นหากมีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน มันก็พร้อมที่จะทักทายประหนึ่งเหมือนเคยรู้จักกันมานาน ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงไม่เหมาะสมกับการเลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้าน แม้ว่าลักษณะภายนอกจะดูสง่างาม น่าเกรงขาม น่ากลัว แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นสุนัขใจดี ขี้เล่นเป็นที่สุด


สัญชาตญาณนักล่า

สัญชาตญาณจับสัตว์อื่นเป็นอาหารในสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้นั้นมีมาก พวกมันมีความรวดเร็ว และฉลาดแกมโกงในเกมการล่าอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องมีความระมัดระวังสัตว์เล็กๆ ที่อยู่ในบ้านและรอบบ้าน เช่น กระรอก กระต่าย นก หนูตะเภา และน้องแมว ซึ่งอาจจะตกเป็นเหยื่อให้กับสัญชาตญาณการล่าของพวกมัน

การกระโดดโลดเต้น

ไซบีเรียน ฮัสกี้ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป มักจะชอบกระโดดโลดเต้น ควบวิ่ง โถมใส่ มันเป้นสุนัขที่มีพลังเหลือเฟือ ชอบเล่นแรงๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำนวณพลังของตัวเองไม่ถูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ไม่ว่าจะเป็นกับข้าวของต่างๆ ภายในบ้าน รวมถึงคนที่อยู่ในบ้านด้วย ดังนั้นหากมีเด็กเล็กๆ หรือคนแก่อยู่ภายในบ้าน ก็คงระวังเป็นอย่างยิ่ง

ความดื้อรั้น
ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีความคิดเป็นอิสระ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง พวกมันมีความดื้อรั้นพอสมควร และมีสัญชาตญาณของการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทั้งยังต้องการจะประกาศตัวเองเป็นจ่าฝูง ดังนั้นหากต้องการจะฝึกสุนัขพันธุ์นี้ให้ทำตามคำสั่งแล้วละก็ จะต้องแสดงให้พวกมันรู้และยอมรับว่าเราเป็นจ่าฝูงของพวกมัน และสิ่งที่เราสั่งให้มันทำเป็นสิ่งที่พวกมันต้องทำจริงๆ

การผสมพันธุ์สุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้

การผสมพันธุ์สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ ควรทำเมื่อเพศเมียมีอายุอย่างน้อย 18 เดือน และควรผสมพันธุ์หลังจากวันที่เป็นสัตวันแรกแล้ว 9 วัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่แน่ใจว่าสุนัขของคุณพร้อมที่จะผสมพันธุ์แล้วหรือไม่ ก็สามารถนำไปตรวจตามสัตวแพทย์ได้ โดยถ้าต้องการจะนำสุนัขไปผสมพันธุ์นั้น ก็ควรจะดูแลเรื่องอาหารการกินของสุนัขให้ดี ให้กินอาหารให้ครบถ้วนแต่ก็ไม่ควรให้กินมากเกินไปจนกลายเป็นโรคอ้วน ซึ่งจะทำให้การผสมพันธุ์มีความสำเร็จน้อยลง




การเลี้ยงดู ไซบีเรียน ฮัสกี้
การนำสุนัขใหม่เข้ามาในบ้านควรเป็นวันที่คุณมีเวลาว่างทั้งวัน และเป็นช่วงเวลาเช้า เพราะสุนัขจะได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับสถานที่และกับคุณด้วย โดยสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อที่จะเลี้ยงและดูแลเค้าให้ดีคือ
1. การจัดหาที่หลับนอนสถานที่หลับนอนของไซบีเรียน ฮัสกี้ ควรจะกั้นคอกให้เค้าให้เป็นสัดส่วน มีขนาดใหญ่ แข็งแรง อากาศถ่ายเทสะดวก และมีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุง และถ้าคุณไม่คิดที่จะให้สุนัขของคุณนอนในบ้าน ก็ไม่ควรจะให้สุนัขนอนในบ้านตั้งแต่คืนแรก เพราะจะทำให้แก้ไขนิสัยได้ยาก
2. สถานที่ขับถ่ายคุณควรกำหนดบริเวณขับถ่ายของสุนัขของคุณให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก โดยต้องฝึกการขับถ่ายให้เป็นที่ของสุนัขของคุณ (ดูได้จาก
การฝึกสุนัข) เพื่อลดภาระของคุณในการทำความสะอาด และเพื่อสุขลักษณะที่ดีของสุนัขของคุณ
3. การออกกำลังกายการออกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากของเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ เพื่อให้เจ้าตัวน้อยมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณ รวมถึงเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของสุนัขเองด้วย และด้วยอุปนิสัยที่มีความกระตือรือร้น และชอบสิ่งใหม่ๆ การได้ออกไปออกำลังกายนอกบ้านจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกี้ มีความสุขมากๆ และนอกจากนี้การพาไปออกกำลังกายยังมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหากินยากของเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ได้อีกทางหนึ่ง
4. การอาบน้ำการอาบน้ำเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยสำหรับไซบีเรียน ฮัสกี้ หากว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สกปรก โดยหากต้องอาบน้ำ ก็ควรเลือกใช้แชมพูอาบน้ำสุนัขโดยเฉพาะ และควรเป็นแชมพูที่มีความอ่อนโยนมากๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดของไซบีเรียน ฮัสกี้ก็คือ เมื่อคุณอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องใช้ไดร์เป่าขนให้แห้งสนิท เพราะถ้าคุณปล่อยให้เค้าตัวแห้งเอง ขนด้านในของไซบีเรียน ฮัสกี้ จะไม่แห้ง และอาจทำให้เป็นโรคผิวหนังได้
5. การตัดเล็บนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทบไม่จำเป็นเลยสำหรับเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ เพราะว่ามันเป็นสุนัขที่มีความกระตือรือร้นมาก มันมักจะไม่หยุดอยู่กับที่นิ่งๆ ซึ่งทำให้เจ้าของตัดเล็บให้ัมันลำบากมาก (ผมต้องตัดให้มันตอนหลับ ไม่งั้นมันวิ่งหนีโลด) และเพราะมันชอบที่จะออกกำลังกาย ซึ่งคือการวิ่ง การกระโดด จึงทำให้เล็บของมันฝนกับพื้นและทำให้สั้นลงอยู่แล้วโดยธรรมชาติ จึงทำให้ไม่ต้องห่วงในส่วนนี้มาก แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ควรที่จะดูในส่วนนี้ด้วยว่าเล็บของไซบีเรียน ฮัสกี้ของคุณนั้นยาวเกินไปหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการเดินของสุนัขของคุณ
6. การทำความสะอาดหูการเช็ดหูเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้นั้น คุณควรระวังอย่างมาก เนื่องจากนิสัยของมันที่ไม่ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่ โดยมันอาจพยายามดิ้นหนีคุณขณะที่กำลังทำความสะอาดหูอยู่ก็ได้ และในการทำความสะอาดนั้นอาจใช้น้ำยาเช็ดหูที่มีจำหน่ายตามร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็ได้

แมวเปอร์เซีย(Persian cat)




มารู้จักแมวเปอร์เซียกันดีกว่า


         แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย


         แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)


            แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)



           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian





ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น 



อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้

            1.Solid colour  ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

            2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

            3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

            4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

            5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

            6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

            7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส


อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์ 

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย

           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้





โรคและวิธีการป้องกัน
           โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา 

           เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ 

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป

ช็อคโกแลต(Chocolate)


เรื่องเกี่ยวกับช็อคโกแลตที่คุณอาจไม่รู้

ช็อกโกแลต ( Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก
                ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้"
                ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า
  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้
                ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และถูกทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ
                เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป
                บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะถูกทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์




ชนิดของช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ รูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย
  • ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน
                ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้
  • ช็อกโกแลตดำ
                ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง 
  • ช็อกโกแลตนม
ช็อกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25%
                ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%
  • Chocolate Liquor
                เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53% กลมกล่อม
  • ช็อกโกแลตกึ่งหวาน
                ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติความหวานเล็กน้อย และกลมกล่อมลิ้นอย่างมากก
  • ช็อกโกแลตหวาน
                ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย NA KA
  • ช็อกโกแลตขาว
                ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้

  • Liquid Chocolate
                เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน
  • กูแวร์ตูร์
                ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ 'มีรสเผ็ด;
  • Ganache
                ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในชอคโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนชอคโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย
  • Confectionery Coating
                เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้



ประโยชน์ของช็อกโกแลต


1.สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ เพราะมีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูง ซี่งเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย



2. ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก ช็อกโกแลตทำให้อยากมีเซ็กส์มากขึ้น เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาทเมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึกคึกคัก เล่ากันว่า นักรักชื่อกระฉ่อนโลกอย่างจิอาโคโม คาสซาโนวา (1725-1795) กินช็อกโกแลตก่อนขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ ด้วยช็อกโกแลตขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ

3.ช่วยปรับอารมณ์และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิง ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน ช็อกโกแลตมีสารทริพโทฟาน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์ เมื่อร่างกายขับเซโรโทนินออกมาช่วยให้ผ่อนคลายความวิตกกังวลได้


4.ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย

5.ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะพิสูจน์แล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง

6.ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการศึกษา ในชายอายุระหว่าง 65-84 ปี จำนวนเกือบ 500 คนที่อาศัยในเมือง Zutphen ประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับประทานโกโก้ ขณะที่ค่าเฉลี่ยมัธยฐานของกลุ่มของการรับประทานโกโก้จะอยู่ที่ 4.2 กรัมต่อวัน ในจำนวนอาสาสมัครกลุ่มนี้พบว่า ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2528-2543 มีอาสาสมัครเสียชีวิตลง 314 คน ซึ่งพบว่าคนที่รับประทานโกโก้มากที่สุด มีความเสี่ยงลดลงครึ่งหนึ่งของคนที่ไม่ได้รับประทาน